เราจะใช้ htop
เมื่อเราติดตั้ง htop เรียบร้อยแล้ว เราสามารถ monitor CPU และ RAM โดยรันคำสั่งดังนี้
htop
เราจะใช้คำสั่งดังนี้
watch --interval=60 df --human-readable /dev/sda1
โดยที่ /dev/sda1 เป็น partition ที่ต้องการ monitor
หมายเหตุ เราสามารถดูรายการ partition ทั้งหมดได้ โดยใช้คำสั่งดังนี้
sudo lsblk
โดยชื่อ partition จะต้องใส่ /dev/ นำหน้า เช่น /dev/xvda1 ตามชื่อในรูป
df -h
du -h
ls -la
ข้อมูล log ของ cron จะถูกรวมอยู่ใน /var/log/syslog
วิธีการตรวจสอบ log ให้ใช้คำสั่งดังนี้
grep CRON /var/log/syslog
ข้อมูล log ของ cron จะแยกไว้ที่ /var/log/cron
วิธีการตรวจสอบ log ให้ใช้คำสั่งดังนี้
tail /var/log/cron
* * * * * username /path/to/your/script.sh
sudo crontab -u username -eหลังจากนั้น เพิ่ม cron entry ดังนี้
* * * * * /path/to/your/script.sh
@if (count($record) > 0) @elseif (count($record) < 0) @else @endif
@unless (count($record)< 0) @endunless
docker network create nginx-proxy
networks:
default:
external:
name: nginx-proxy
docker-compose up -d
cat /etc/os-release
lsb_release -a
hostnamectl
* * * * * php /path-to-your-project/artisan schedule:run >> /dev/null 2>&1สำหรับการใช้ Environment Variable ของระบบปฏิบัติการ เราจำเป็นต้องสร้าง shell script ขึ้นมาตัวนึง เพื่อ export ตัวแปรที่เราต้องการใช้ก่อน
$str เป็นข้อความที่คุณต้องการ printsyslog(LOG_INFO, $str);อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.php.net/manual/en/function.syslog.php
$out = fopen('php://stdout', 'w'); //output handler
fputs($out, $str); //writing output operation
fclose($out); //closing handler
โดยที่ php://stdout สามารถแทนด้วย php://stderr หรือ php://outputcurl -L -O https://artifacts.elastic.co/downloads/beats/filebeat/filebeat-6.6.2-amd64.deb dpkg -i filebeat-6.6.2-amd64.debPath ของ Filebeat ที่ควรรู้มีดังนี้
filebeat setup --template -E output.logstash.enabled=false -E 'output.elasticsearch.hosts=["localhost:9200"]'
adduser <username>คำสั่งสำหรับเพิ่มผู้ใช้งานของคุณเข้ากลุ่ม sudo เพื่ออนุญาตให้ผู้ใช้งานคนนั้นรันคำสั่งด้วย administrative privileges ได้ โดยใส่
sudo นำหน้าusermod -aG sudo <username>คำสั่งสำหรับสลับเป็นผู้ใช้งานอื่นชั่วคราว ในขณะที่ผู้ใช้งานเป็น root
su - <username>คำสั่งสำหรับเปลี่ยนรหัสผ่านผู้ใช้งานของคุณ
passwd <username>คำสั่งสำหรับตรวจสอบผู้ใช้งานปัจจุบัน
whoami
sudo apt-get install curlหลังจากนั้นให้ติดตั้ง Docker โดยใช้คำสั่งดังนี้
sudo curl -fsSL https://get.docker.com -o get-docker.sh sudo sh get-docker.shสำหรับการทดสอบ เมื่อติดตั้ง Docker สำเร็จแล้ว ให้รันคำสั่งดังนี้
docker run hello-worldจะได้ผลลัพธ์ดังรูป
sudo curl -L "https://github.com/docker/compose/releases/download/1.23.2/docker-compose-$(uname -s)-$(uname -m)" -o /usr/local/bin/docker-compose sudo chmod +x /usr/local/bin/docker-composeสำหรับการทดสอบ เมื่อติดตั้ง Docker Compose สำเร็จแล้ว ให้รันคำสั่งดังนี้
docker-compose -vจะได้ผลลัพธ์ดังรูป
sudo certbot certonly -d {domain_name}unzip -O <encoding> <filename> -d <target_dir>ตัวอย่างเช่น
unzip -O windows-874 lp-real-font.zip -d ocr_inสำหรับชื่อ encoding ที่ใช้ได้ สามารถดูได้จาก https://www.iana.org/assignments/character-sets/character-sets.xhtml
docker exec เพื่อเข้าไปเปลี่ยนแปลงวันเวลาของเครื่องได้โดยตรง เนื่องจากวันเวลาของเครื่องที่เป็น Docker นั้นจะใช้วันเวลาจากเครื่อง Host เป็นหลัก ดังนั้นการจะเปลี่ยนแปลงวันเวลาของเครื่อง Docker จะต้องเปลี่ยนแปลงเวลาที่เครื่อง Host แทนdate -s "2018-04-01 00:00:00"ซึ่งถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงวันเวลากลับไปเป็นวันเวลาของเครื่องจริงๆก็สามารถใช้คำสั่งดังนี้
hwclock > date -s
